เมื่ออาชีพขายของออนไลน์ช่วยสร้างรายได้อย่างดี แถมไม่ต้องลาออกจากงานประจำก็ทำได้ อาชีพนี้จึงกลายเป็นอาชีพยอดนิยมของยุคนี้ และเมื่อเรามีรายได้เป็นของตัวเอง หน้าที่สำคัญที่จะลืมหรือเลี่ยงไม่ได้เลยนั่นก็คือ "หน้าที่การเสียภาษี" มาทำความเข้าใจเรื่องของภาษีกันว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลยค่ะ
ทำความเข้าใจกันก่อนว่าการขายของออนไลน์นั้นหากไม่ได้มีการเปิดหรือจดทะเบียนในรูปแบบบริษัท จะถือเป็นการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่ง ถูกจัดอยู่ในเงินได้ประเภทที่ 8 คือเงินได้จากการค้าขาย และช่วงเวลาที่พ่อค้าแม่ค้าต้องยื่นภาษีจะมีอยู่ 2 ช่วงดังนี้
ยื่นภาษีสิ้นปี (ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90) ช่วงเดือน ม.ค. - มี.ค. เป็นการสรุปรายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
ยืนภาษีกลางปี (ยื่นแบบ ภ.ง.ด.94) ช่วงเดือน ก.ค. - ก.ย. เป็นการสรุปรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีภาษีแรกที่ผ่านมา โดยที่ ค่าลดหย่อน บางรายการจะถูกหักเหลือครึ่งหนึ่งด้วย เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัวจะลดลงจาก 30,000 เหลือ 15,000
สำหรับร้านค้าออนไลน์ คำนวนภาษีได้ 2 แบบ คือ เสียภาษีแบบอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และ เสียภาษีแบบนิติบุคคล (กรณีนี้สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่มีการจดทะเบียนเป็นบริษัท)
ซึ่งส่วนใหญ่ร้านค้าออนไลน์มักจะไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ วันนี้พิมเพลินขอพูดถึงเฉพาะการคำนวนภาษีแบบบุคคลธรรมดาละกันค่ะ ซึ่งการคำนวนภาษีรายได้แบบบุคคลธรรมดานั้น สูตรคือ (รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน) x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย สามารถคำนวนได้ 3 แบบ จุดสำคัญอยู่ที่ ค่าใช้จ่าย และ ค่าลดหย่อน นั่นเอง
หักค่าใช้จ่ายตามอัตรา 60% สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ซื้อมา ขายไป ไม่ได้ผลิตเอง
หักค่าใช้จ่ายตามจริง สำหรับร้านค้าที่ผลิตสินค้าเอง แต่กรณีนี้ต้องมีเอกสารที่ต้องใช้ยื่นเย๊อะมว้าาาาาก
หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา คือ คิดภาษี 0.5% หากคุณมีรายได้จากการขายของออนไลน์มากกว่า 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาท)
การลดหย่อนภาษี คือ รายการค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่สรรพากรประกาศให้นำมาหักลบกับรายได้ เพื่อให้เราคำนวน รายได้สุทธิ ออกมากและนำไปเปรียบเทียบคิดภาษีกับตารางอัตราภาษี ที่เรามักจะได้ยินว่า คำนวนภาษีแบบขั้นบันได นั่นแหล่ะค่ะ
สูตรคือ (รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน) x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย ที่เรียกว่าขั้นบันไดเพราะว่า เมื่อเราได้ รายได้สุทธิ แล้วต้องนำรายได้สุทธินั้นมาเทียบกับกับตารางอัตราภาษี เพื่อดูว่า เราจะเสียภาษีเท่าไร (รายได้สุทธิคือ รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่างๆ)ศัพท์ภาษีน่ารู้ |
---|
รายได้สุทธิ หมายถึง รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย และ ค่าลดหย่อนต่างๆ |
ค่าลดหย่อน หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่สรรพากรประกาศให้นำมาหักลบกับรายได้ |
อัตราภาษี หมายถึง อัตราภาษีที่รัฐบาลประกาศ |
สูตรการคำนวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เงินได้สุทธิต่อปี | อัตราภาษี |
---|---|
0 - 150,000 | *ได้รับการยกเว้นภาษี* |
150,001 - 300,000 | 5% |
300,001 - 500,000 | 10% |
500,001 - 750,000 | 15% |
750,001 - 1,000,000 | 20% |
1,000,001 - 2,000,000 | 25% |
2,000,001 - 5,000,000 | 30% |
5,000,001 บาทขึ้นไป | 35% |
ลองใส่ตัวเลขเข้าไปดูค่ะ ยกตัวอย่าง
นาย A มีรายได้จากการขายของออนไลน์ 1,000,000 บาท
คิดภาษีด้วยการหักค่าใช้จ่ายตามอัตราคือ 60% เท่ากับค่าใช้จ่าย 600,000 บาท
มีค่าลดหย่อนจากช็อปช่วยชาติเพียงอย่างเดียว 15,000 บาท
สูตรการคำนวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
(รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน) | x | อัตราภาษี | = | ภาษีที่ต้องจ่าย |
---|
จากนั้นนำรายได้สุทธิไปเทียบกับตารางอัตราภาษี
(1,000,000 - 600,000 - 15,000) | = | รายได้สุทธิ 385,000 บาท |
---|
เงินได้สุทธิต่อปี |
อัตราภาษี |
เทียบอัตรา |
ภาษีที่ต้องเสีย |
0 - 150,000 |
*ได้รับการยกเว้นภาษี* |
เงินบาทที่ 0 - 150,000 = ได้รับการยกเว้นภาษี |
ได้รับยกเว้น |
150,001 - 300,000 |
5% |
เงินบาทที่ 150,001 - 300,000 = เสียภาษี 5% |
7,500 บาท |
300,001 - 500,000 |
10% |
เงินบาทที่ 300,001 - 385,000 = เสียภาษี 10% |
8,500 บาท |
500,001 - 750,000 |
15% |
|
|
750,001 - 1,000,000 |
20% |
|
|
1,000,001 - 2,000,000 |
25% |
|
|
2,000,001 - 5,000,000 |
30% |
|
|
5,000,001 บาทขึ้นไป |
35% |
|
|
ภาษีที่นาย A ต้องเสียเท่ากับ 7,500 + 8,500 = 16,000 บาท
ทั้งนี้ภาษีจะเสียมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่าย และ ค่าลดหย่อนเนี่ยล่ะค่ะ เช็คข่าวสารกันให้ดี เพราะแต่ละปีสรรพากรประกาศค่าลดหย่อนไม่เท่ากันนะคะ อาจทำให้เราวางแผนผิดกันได้ เช็คค่าลดหย่อนปี 2561 กันเลย
สำหรับใครที่อ่านมาเยอะแล้วก็ยังคงงงอยู่ดี ไม่ต้องกลัวค่ะ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีช่วยเราได้ เลิกกังวลแล้วมองหาตัวช่วยในการคำนวนภาษีได้ที่นี่เลยค่ะ แค่ใส่ตัวเลขก็คำนวณยอดภาษีออกมาให้เราได้เลย
1. RD Smart Tax
เป็นแอพสำหรับมือถือมีให้ใช้ทั้ง iOS และ Android หาดาวโหลดเอามาคำนวนกันได้เลย
2. iTAX Pro
โปรแกรมนี้มีให้ใช้ทั้งบนคอมฯ และมือถือ แอพหน้าตาสวยงามดูง่าย กรอกตัวเลขเป็นขั้นตอนชัดเจน ไม่งงงวยเหมือนเวลาเรากรอกในเว็ปสรรพากรแน่นอน ลองโหลดนำไปคำนวนภาษีกันได้เลยจ้า มีให้ใช้ทั้ง iOS และ Android เช่นกัน
3. เว็บไซต์ของธนาคาร
ถ้ากังวลเรื่องความปลอดภัยการใช้โปรแกรมหรือแอพบนมือถือล่ะก็ เว็บของธนาคารก็มีไว้รองรับและช่วย พ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ ในการคำนวนภาษีเช่นกันค่ะ
วางแผนภาษีร้านออนไลน์ง่าย ๆ ด้วยการ Export บิลออนไลน์และใบกำกับภาษี ช่วยสรุปยอดขายรายเดือนได้ในคลิกเดียว อย่าลืมขอใบกำกับภาษีในทุกการใช้จ่ายในร้านออนไลน์ เช่น ค่าโฆษณาเฟสบุ๊ค ค่าขนส่ง เป็นต้น เพื่อใช้คำนวณเป็นค่าใช้จ่ายของร้านค้าด้วยนะคะ
การเสียภาษีถือเป็นหน้าที่ของผู้มีรายได้ เราผู้เป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์ก็ถือว่าเป็นผู้มีรายได้เช่นกัน เพราะหากเราไม่ทำการยื่นภาษี เราจะโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง แถมยังต้องเสียค่าปรับอีกด้วย ทางที่ดีทำให้ถูกต้องตามกฎหมายไว้ก่อน สบายใจกว่ากันเยอะค่ะ